“ปศสัตว์น่าน ร่วมประชุมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและวิชาการไทย - สปป.ลาว ระหว่างจังหวัดน่าน กับแขวงไชยะบุรี แขวงหลวงพระบาง และแขวงอุดมไช”

Twitter

วันที่ 7 กรกฎาคม 2565 เวลา 09.30 น. นายนพดล พินิจ ปศุสัตว์จังหวัดน่าน เข้าร่วม เข้าร่วมประชุมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและวิชาการไทย –สปป.ลาว ระหว่าง จังหวัดน่าน กับแขวงไชยะบุรี แขวงหลวงพระบาง และแขวงอุดมไช โดยมีนายหัสนัย แก้วกุล กรรมการหอการค้าไทยและประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 แระธานฝ่ายไทย และนายอุเดด สุวันนะวง ประธานสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว ประธานฝ่าย สปป.ลาว เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพของคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนไทย - สปป.ลาว จังหวัดน่าน ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การร่วมมือด้านสารรณสุข และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ณ ห้องประชุมเจ้ามหาพรหมสุรธาดา ชั้น 6 ศาลากลางจังหวัดน่าน
โดยทางประเทศไทยและ สปป.ลาว โดยจังหวัดน่าน กับแขวงไชยะบุรี แขวงหลวงพระบาง และแขวงอุดมไช ได้หารือและมีข้อเสนอร่วมกันเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ ได้แก่
1) การอำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศ พิธีสาร และการขออนุญาตข้ามแดน (Visa on Arrival) ทางการไทยเสนอให้ผลักดันเส้นทางเข้าพิธีสาร การลดภาษี ส่วนทางลาวนั้นมีพื้นติดชายแดนไทยทาง จ.น่าน 2 ด่าน ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจร่วมมือในการอำนวยความสะดวก ปรับปรุงระบบโลจิสติกใน 4 ด่านสากลของลาวและเส้นทาง 2Wและ2E ให้สะดวกมากขึ้น วางแผนปรับปรุงและยกระดับเส้นทางไปยังประเทศที่สาม
2) ข้อเสนอในการซื้อสินค้า หน่อไม้ กาแฟ และผ้าทอ ซึ่งไทยมีความต้องการสินค้าหน่อไม้จากลาวมากกว่า 1 พันตัน กาแฟมีความต้องการใช้ 7 หมื่นตัน แต่ผลิตได้เพียง 4 หมื่นตันและที่เหลือยังต้องนำเข้าทั้งจากลาว บราซิล แต่ไทยพร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการปลูก การชง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับทางลาว ผ้าทอจัดให้มีการส่งเสริมผ้าทอน่านและคนทอ(ตำหูก)ผ้า จากลาว สานต่อ Made to order รวมทั้งการพัฒนาต่อยอดคุณภาพฝ้ายและลวดลายในการทอ
3) การขายสินค้าประเภทผัก ผลไม้ อาหารแช่แข็งและโคเนื้อ ทางการไทยส่งเสริมการตรวจสอบความปลอดภัยสารตกค้างในสินค้าประเภทผัก ผลไม้ และอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุง นอกจากนี้ยังต้องการความร่วมมือจากลาวในด้านการผลิต การถ่ายความรู้ทางวิชาการในการเลี้ยงและผลิตโคเนื้อ รวมทั้งการส่งออกไปยังประเทศจีน การนำเข้าเนื้อเพื่อส่งต่อไปยังภารธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร
4) ความร่วมมือในการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทางประเทศไทยเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการท่องเที่ยว การตลาด การประชาสัมพันธ์ ให้มีการวางแผนอย่างชัดเจน อาศัยเทคโนโลยีในการสื่อสารผ่านทางช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
5) เสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าและด่านศุลกากรประจำแขวงอุดมไช เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้า
6) เสนอให้มีการเปิดและพัฒนาพื้นที่การค้าระหว่างประเทศที่ด่านบ้านห้วยสะแตง อ.ทุ่งช้าง และด่านบ้านใหม่ชายแดน อ.สองแคว ซึ่งทางไทยต้องการให้ลาวเปิดด่านผ่อนปรนฯ ที่มีมีพื้นที่ติดกับ จ.น่าน แต่ทางลาวเสนอให้ทางนายอำเภอของพื้นที่ที่มีด่านผ่อนปรนฯ หารือกับทางเจ้าเมืองของทาง สปป. เพื่อการเปิดด่านผ่อนปรนฯ เพื่อประโยชน์ทางการค้าและการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศต่อไป
7) การแลกเปลี่ยน นำเข้า-ส่งออกแรงงานระหว่างประเทศ ทั้ง 2 ประเทศเสนอให้จัดทำ Work permit และพาสปอร์ตชั่วคราว เพื่อให้กลุ่มแรงงานทั้ง 2 ประเทศเดินทางเข้า-ออก เพื่อทำงานได้อย่างสะดวก ซึ่งประเทศไทยและลาวนั้นมีแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญในหลายๆ ด้าน เช่น การเกษตร เป็นต้น
8 ) เสนอให้มีการคัดกรองหรือขั้นตอนการรับรองผู้ประกอบการหรือคู่ค้าระหว่างกัน โดยให้จัดตั้งหน่วยคัดกรองเพื่อให้ทราบประวัติ เพื่อสร้างความมั่ยใจในการทำธุรกิจระหว่างกัน
9) เสนอความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยที่ทางไทยมีกลุ่ม YEC และลาวมีกลุ่มสมาชิกนักธุรกิจหนุ่ม (YEAL) ทั้ง 2 กลุ่มจะได้มีการหารือในวาระต่างๆ ในอนาคต
10) ความร่วมมือผู้ประกอบการทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้ง 2 ประเทศต่างมีการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลออนไลน์ให้ก้าวทันกับโลกในยุคปัจจุบัน ซึ่งทางไทยได้นำเสนอแอพลิเคชั่น Pruksa (ปรึกษา) และ Newgenventure อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาในอนาคต
11) ความร่วมมือทางด้านวิชาการ โดยที่ไทยและลาวมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางด้านวิชาการซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นการส่งนักศึกษามาเรียนที่ประเทศไทย การศึกษาดูงานระหว่างสถาบันการศึกษาของทั้งสองประเทศ